วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตลาดไม้กฤษณาปลูก

จากอดีตถึงปัจจุบัน ไม้กฤษณาถือว่าเป็นสินค้าที่มีราคาสูงโดยเฉพาะไม้กฤษณาที่ได้มาจากป่าธรรมชาติที่มีอายุการสะสมนานนับร้อยปีจนกลายเป็นแก่นแข็งจมน้ำซึ่งราคาในปัจจุบันสำหรับไม้เกรดนี้สูงถึงกิโลกรัมละหลายล้านบาท ทั้งที่เมื่อหกเจ็ดปีที่แล้วยังสามารถหาได้ในราคาเพียงกิโลกรัมละสี่แสนถึงห้าแสนบาทเท่านั้น ทั้งนี้เพราะไม้กฤษณาในธรรมชาติเริ่มร่อยหรอลงไปทุกทีจากการล่าของพรานป่าเพื่อการค้าจนใกล้จะสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ






แม้ปัจจุบันจะมีการปลูกกฤษณาทดแทนไม้ป่าธรรมชาติ แต่ด้วยระยะเวลาในการสะสมเรซินในเนื้อไม้ที่สั้นเพียง 2-5 ปี ทำให้ราคาไม้กฤษณาปลูกไม่สามารถที่จะเทียบเคียงได้กับไม้ธรรมชาติ แต่ด้วยปริมาณและผลผลิตที่สามารถคาดคะเนได้ก็สามารถชดเชยในเรื่องความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมีการหาตลาดล่างที่ผู้ซื้อสามารถนำผลผลิตเหล่านี้ไปใช้ได้ในราคาที่เหมาะสมและปริมาณการซื้อที่ต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีตลาดจีนเป็นผู้ซื้อต่อเนื่องรายใหญ่ที่สุด











แต่การที่จะทำให้สินค้าเกรดล่างอย่างไม้ปลูกเหล่านี้เป็นที่ยอมรับได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเราต้องทราบให้ได้ว่าเขาต้องการสินค้าไปทำประโยชน์อะไร มีลักษณะการใช้อย่างไร รสนิยมผู้บริโภคเป็นเช่นไร และตัวสินค้าต้องเป็นอย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ผมต้องปฏิวัติการผลิตไม้กฤษณาปลูกใหม่ทั้งหมดตั้งแต่การเจาะกระตุ้นไปจนถึงการสิ่วไม้และคัดแยกไม้จนเป็นที่ยอมรับของลูกค้ารายใหญ่หลายรายในปัจจุบัน หากสินค้าไม่สะอาด มีกาว หรือทาสีมาเช่นในอดีตก็จะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อความศรัทธาของผู้ซื้อ ซึ่งจะทำให้บรรดาผู้ซื้อหันไปซื้อสินค้าจากทางเวียตนามแทน ซึ่งทั้งนี้ผมได้ใช้เวลานานกว่าจะสามารถทำให้ผู้ซื้อยอมรับในสินค้าได้ คงเป็นที่น่าเสียดายหากต้องเสียลูกค้าไปเพราะความมักง่ายเอาแต่ได้ ไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองและลูกค้า  ดังนั้น ผมจึงต้องขอโทษเกษตรกรทุกท่านที่ส่งไม้เข้ามาขายในกรณีที่สินค้าบางเกรดบางตัวผมไม่สามารถซื้อได้และต้องส่งกลับคืน แต่อย่างไรก็ตามผมจะพยายามสร้างตลาดใหม่ๆสำหรับสินค้าเหล่านั้นต่อไปครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น